ประเทศไทยเป็นที่ รับการถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ
ประเทศไทยเป็นที่ รับการถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ
ประเทศไทยเป็นสถานที่ ที่ใช้ใน รับการถ่ายทำภาพยนตร์ ในระดับนานาชาติ และสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถ่ายทำในประเทศไทย ถือ เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของประเทศไทย คือ ภาพยนตร์เรื่อง ” the wonderful Parisian cinematograph “
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศไทย
ประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ไทย ในการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เริ่มต้นด้วยการถ่ายทำในประเทศไทยด้วยภาพยนตร์เรื่องแรก ” the wonderful Parisian cinematograph ” ในปี 1897 เปิดตัวออกสู่สายตาของทั่วโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการประกาศตัวของประเทศไทยในการได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในระดับนานาชาติ ในประเทศไทยมีโรงภาพยนตร์เกิดขึ้นครั้งแรกใน ปี 1850 แต่มาขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 1900 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการตอบรับที่ดีขึ้น เนื่องจากกระแสสังคมที่ให้ความสนใจในการดูหนังในโรงภาพยนตร์มีมากขึ้นเป็นลำดับ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนในวงการภาพยนตร์มีแรงจูงใจ ในการสร้างภาพยนตร์เพื่อตอบสนองต่อกระแสด้านภาพยนตร์ของสังคมในตอนนั้น ซึ่งมีแรงจูงใจในเรื่องของความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่สูงขึ้นและราคาที่ต่ำลงในการสร้างภาพยนตร์ ซึ่งมองถึงความคุ้มค่าที่จะได้รับในการสร้างภาพยนตร์ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมให้มีการสร้างภาพยนตร์ไทยสู่สังคม สำหรับภาพยนตร์ของคนไทยเรื่องแรก ในปี 1927 คือ ภาพยนตร์เรื่อง โชคสองชั้น (Chok Song Chun) เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก สร้างโดย กรุงเทพภาพยนตร์ แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ จะไม่ได้รับการตอบรับอย่างดีเท่าที่ควร สำหรับการเริ่มต้นครั้งแรกในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาด้านขั้นตอนการผลิตภาพยนตร์ด้วยการปรับเปลี่ยนด้านเทคนิคเสียง มาใช้ในการสร้างภาพยนตร์ในครั้งแรก ด้วยการนำเทคโนโลยีจากการสร้างภาพยนตร์ของทางฮอลลีวู้ดมาใช้ในการสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทยในขณะนั้น ด้วยระบบ Vitaphone คือเทคนิคการเปลี่ยนแปลงของเสียงในภาพยนตร์ สำหรับในปัจจุบันประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์ที่ทันสมัยครบครันด้วยเทคโนโลยี ในวงการภาพยนตร์และยังเป็นประเทศที่มีสถานที่เหมาะสมที่สุด ในการใช้เป็นสถานที่ ในการถ่ายทำภาพยนตร์จากทั่วโลก สามารถรองรับการผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ที่ถ่ายทำในประเทศไทย เป็นสถานที่ในการสร้างภาพยนตร์ที่พร้อมด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ ทั้งด้านประสบการณ์และความสามารถ รวมถึงศิลปินและนักแสดงในวงการภาพยนตร์ไทยอย่างครบวงจร เพียบพร้อมทั้งด้านคุณภาพที่ได้รับการยอมรับและความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย สำหรับปัจจัยที่เป็นเหตุผลหลักที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยที่ทำให้ประเทศไทย กลายเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมที่สุด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ ในการถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ด้วยความสวยงามทางด้านภูมิศาสตร์และส่วนประกอบของด้านความพร้อมโดยรวมของประเทศไทย กล่าวคือ ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก อาทิเช่น ชายหาดที่สวยงาม ภูเขา ทิวทัศน์แห่งทัศนียภาพ ศาสนาที่ไม่มีการขัดแย้ง รวมถึงสถานที่บันเทิงยามค่ำคืนของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เป็นต้น สามารถใช้เป็นสถานที่เพื่อใช้ในการประกอบฉากในภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์ทุกขั้นตอนในการสร้างภาพยนตร์ ประเทศไทยเป็นประเทศได้รับการตอบรับที่ดี จากบริษัทสร้างภาพยนตร์รายใหญ่จากต่างประเทศ ภาพยนตร์เรื่อง “The Hangover 2 ” เป็นอีกหนึ่งภาพยนต์จากต่างประเทศ ที่ดำเนินการถ่ายทำในประเทศไทย ซึ่งเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ขนเหล่านักแสดงและทีมงานจากต่างประเทศ เดินทางเพื่อมาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย
สำหรับข้อมูลด้านล่างนี้ เราได้เก็บรวบรวมไว้เพียงบางส่วนของภาพยนตร์ที่ได้รับความสนใจในประวัติศาสตร์ ของการสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทย ที่เคยสร้างภาพยนตร์และได้ถ่ายทำในในประเทศไทย ดังนี้
Only God Forgives
ภาพยนตร์เรื่อง ONLY GOD FORGIVES ได้เปิดตัวในปี 2013 นำแสดงภาพยนตร์โดย Ryan Gosling, Kristin Scott Thomas, Vithaya Pansringarm, Gordon Brown ,Tom Burke และ นักแสดงชาวไทยอย่าง หญิง รฐา โพธิ์งาม มาร่วมเป็นนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย และนอกจากความพิเศษนี้ยังไม่พอแค่นี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้นำเพลงไทยไปประกอบภาพยนตร์ด้วย นั่นคือแพลงจากศิลปินวงพราว คือเพลง เธอคือความฝัน มาใช้ประกอบทีเซอร์ภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่อง ONLY GOD FORGIVES เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น ระทึกขวัญทางจิตวิทยา แบบมีเงื่อนงำให้น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Nicolas Winding Refn และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Lene Borglum Only God Forgives เป็นเรื่องราวของ จูเลี่ยน (รับบทโดย Ryan Gosling ) ชายหนุ่มผู้หนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย นานถึง 10 ปี หลังจากที่เขาไปฆ่าตำรวจคนหนึ่ง เขาเปิดธุรกิจค่ายมวยไทยขึ้นมา เพื่อเป็นการปิดบังด้านการค้ายาเสพติดที่ผิดกฏหมาย แต่วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์พลิกผันในชีวิต ที่น้องชายของเขาไปฆ่าโสเภณีคนหนึ่ง จนเสียชีวิตและเกิดการตามล่า จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้น ภาพยนตร์เรื่อง ONLY GOD FORGIVES ถือเป็นการสร้างภาพยนตร์รายใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยหลายด้าน ในการสร้างภาพยนตร์ เช่น เริ่มต้นครั้งแรกด้วยรูปแบบการนำเสนอของมวยไทย ในการเล่าเรื่องราวในการถ่ายทำภาพยนตร์ ด้วยการใช้ศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทยเป็นหลักในการแสดง และการถ่ายทำตลอดทั้งเรื่อง ยังต้องอาศัยการดำเนินการที่ใช้ทีมงานมืออาชีพ และสถานที่ในการอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำอย่างราบรื่นตลอดทั้งการถ่ายทำ เพราะด้วยฉากในภาพยนตร์เรื่อง ONLY GOD FORGIVES เป็นธุรกิจมวยไทยที่ถูกปกปิด ด้วยการบังหน้าจากการกระทำความผิด ด้วยการลักลอบขนย้ายยาเสพติดด้านผิดกฏหมาย ใช้สถานที่ในป่าแห่งประเทศไทย และเกี่ยวข้องกับตำรวจ เป็นต้น พร้อมทั้งเรื่องสถานที่ ที่ต้องเอื้ออำนวยทั้งความปลอดภัยในการถ่ายทำ เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาอย่างสมจริง และสร้างความตื่นเต้นระทึกขวัญ และอีกเหตุผลที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเป็นอย่างดี เพราะด้วยองค์ประกอบของนักแสดงนำ อย่างมืออาชีพของต่างประเทศ คือนักแสดงนำหลักอย่าง Ryan Gosling เป็นนักแสดงชื่อดัง ที่ได้รับความนิยมและความชื่นชอบทางด้านการแสดงของเขาเป็นทุนเดิม ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นดารานำจากวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดจากต่างประเทศ ยิ่งเป็นการการันตรีถึงความประสบผลสำเร็จ ในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ONLY GOD FORGIVES ที่ได้ดำเนินการในการถ่ายทำในประเทศไทยด้วยผู้สร้างภาพยนตร์จากต่างประเทศ
เดอะ แฮงค์โอเวอร์ ภาค 2 (THE HANGOVER 2)
ภาพยนตร์เรื่อง THE HANGOVER 2 ได้เปิดตัวในปี 2011 นำแสดงภาพยนตร์โดย Bradley Cooper, Ed Helms, Zach Galifianakis, Ken Jeong ภาพยนตร์เรื่อง THE HANGOVER 2 ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Todd Phillips และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Daniel Goldberg ภาพยนตร์เรื่อง THE HANGOVER 2 ได้ถ่ายทำฉากสถานบันเทิงยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร รวมถึงนักแสดงที่เป็นกลุ่มสาวประเภทสองที่มีชื่อเสียง ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นภาพความวุ่นวาย ของสถานบันเทิงยามค่ำคืนของประเทศไทย สร้างเรื่องราวและสร้างมุมมองภาพยนตร์ THE HANGOVER 2 ให้เป็นสถานที่ของแหล่งรวมแห่งยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดำเนินการในการถ่ายทำเรื่องนี้จะสมบูรณ์ได้ต้องอาศัยการวางแผน อย่างมีประสิทธิภาพในการถ่ายทำในสถานจริงของสถานบันเทิงของประเทศไทย ซึ่งต้องมีนักแสดงและทีมงานมืออาชีพในการร่วมสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างสมจริง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดในภาพยนตร์ THE HANGOVER 2 เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านนักแสดงคุณภาพ ด้วยการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ และการควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์ พร้อมการควบคุมการผลิตภาพยนตร์ออกมาได้อย่างมืออาชีพ
ลุงบุญมีระลึกชาติ (UNCLE BOONMEE WHO CAN RECALL HIS PAST LIVES)
ภาพยนตร์เรือง ลุงบุญมีระลึกชาติ เปิดตัวในปี 2010 นำแสดงภาพยนตร์โดย Thanapat Saisaymar, Jenjira Pongpas and Sakda Kaewbuadee ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย อภิชาติ พงศ์วีระเศรษฐกุล และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Simon Field, Keith Grifith, Charles de Meau และ อภิชาติ พงศ์วีระเศรษฐกุล ภาพยนตร์เรื่องลุงบุญมีระลึกชาติ เป็นเรื่องราวสะท้อนเกี่ยวกับละครศิลปะ ภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ จะเน้นเนื้อหาในเรื่องเชิงเหนือจริง เช่น การนั่งสมาธิ การสะกดจิต และการระลึกชาติ ซึ่งอาศัยการเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครหลัก คือ บุญมี กล่าวคือ ลุงบุญมีล้มป่วยด้วยอาการไตวาย และลุงบุญมีรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง และเป็นการเชื่อมต่อเรื่องราวที่นำไปสู่เหตุการณ์มากมายในภาพยนตร์เรื่องลุงบุญมีระลึกชาติ สำหรับแนวคิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ผูกเรื่องราวของ 2 ด้านแง่มุมของด้านศาสนาของคนไทย คือศาสนาพุทธ และความเชื่อของการกลับชาติมาเกิดใหม่ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่นำเสนอผ่านตัวละคร ในการสร้างปริศนาเพื่อการไขกูญแจไปสู่ความจริง การตอบรับสำหรับภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ ได้รับรางวัลปาล์มทองคำ จากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 63 ในปี 2010 นับเป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อและสร้างความภูมิใจให้กับคนไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความคิดเห็นสำหรับภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ ในสายตาของชาวต่างชาติ เป็นการสื่อสารและถ่ายทอดออกมาในมุมประเด็นของการสร้างความเข้าใจเรื่องความตายจากมุมมองใหม่ “แบบตะวันออก”เพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของภูมิภาคที่ได้รับรางวัลนี้ และเป็นการพิสูจน์ฝีมือทางด้านอุตสาหกรรมของภาพยนตร์ไทยในระดับนานาชาติ
แสงศตวรรษ (SYNDROMES AND A CENTURY)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ ในปี 2006 นำแสดงภาพยนตร์โดย นันทรัตน์ สวัสดิกุล, จารุชัย เอี่ยมอร่าม และ โสภณ ภู่กนก ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย อภิชาติ พงศ์วีระเศรษฐกุล และ ควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Wouter Barendrecht และ Simon Field ภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ เป็นภาพยนตร์แนวชีวิตที่มีการเขียนและผลิตโดยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย กล่าวคือ เป็นเรื่องราวของชีวิตแพทย์หญิง ในโรงพยาบาลเล็กๆในต่างจังหวัด สะท้อนความผูกพันแห่งความทรงจำที่ดี ในชีวิตด้านความรักกับแพทย์ทหารหนุ่ม ในโรงพยาบาลในเมืองหลวง ผู้ป่วยพิการและคู่รักของเขาที่กำลังจะจากไป ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวในชีวิตจริงของพ่อและแม่ของ อภิชาติ พงศ์วีระเศรษฐกุล ซึ่งเป็นแพทย์ทั้งคู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ออกฉายรอบปฐมทัศน์ ครั้งที่ 63 ในเทศกาลภาพยนตร์เวนิช ภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ สะท้อนถึงศักยภาพของความสามารถและประสบการณ์ด้านภาพยนตร์ไทยของ อภิชาติ พงศ์วีระเศรษฐกุล ผู้กับกับคนไทยที่ร่วมมือในการสร้างสรรค์การผลิตภาพยนตร์คุณภาพในระดับนานาชาติ
ผีอยากกลับมาเกิด (RE-CYCLE)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง RE-CYCLE ในปี 2006 นำแสดงภาพยนตร์โดย Angelica Lee, Ekin Cheng และ Siu-Ming Lau นอกจากนี้ยังมีนักแสดงจากประเทศไทยร่วมด้วย คือ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถอย่าง เจ-เจตริน วรรธณสิน และควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Oxide Pang Chun และ Danny Pang Phat สำหรับ RE-CYCLE เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญสั่นประสาทโดยสองพี่น้องตระกูลแปง ประกอบด้วย แดนนี้ แปงและออกไซด์ แปง ภาพยนตร์ RE-CYCLE เป็นงานเขียนชิ้นใหม่ของ ฉีสิน(ลีซินเจี๋ย) เป็นการพลิกรูปแบบงานเขียนจากแนวโรแมนติก มาเป็นนวนิยายตื่นเต้นระทึกขวัญ ภาพยนตร์เรื่อง RE-CYCLE เป็นความร่วมมือระหว่างทีมงานระหว่างประเทศ คือประเทศฮ่องกงและประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่อง RE-CYCLE เป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการสร้างภาพยนตร์ของประเทศไทย และต้องยอมรับในความสามารถของคนไทย ความโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่อง RE-CYCLE คือการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์อย่างลงตัวของเรื่องราวในการเล่าเรื่องและรูปแบบการนำเสนอทีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสองพี่น้องตระกูลแปง สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่หลักในการถ่ายทำ เพราะพวกเขามีความเชื่อมั่นและศรัทธากับความพิเศษในการถ่ายทำภาพยนตร์สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย
คำพิพากษาของมหาสมุทร (INVISIBLE WAVES)
ภาพยนตร์เรื่อง INVISIBLE WAVES ได้เปิดตัวในปี 2006 นำแสดงภาพยนตร์โดย Tadanobu Asano, Eric Tsang และ Kang Hye-Jung ภาพยนตร์เรื่องนี้ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย เป็นเอก รัตเรื่อง (Pen-Ek Ratanaruang) และยังได้นักแสดงจาก ประเทศไทย คือ ทูน หิรัญทรัพย์ ร่วมแสดงภาพยนตร์ในครั้งนั้น เขียนบทภาพยนตร์โดย ปราบดา หยุ่น ถ่ายทำโดยตากล้องมืออาชีพระดับโลก อย่าง คริสโตเฟอร์ ดอยล์ เป็นภาพยนตร์อาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผลิตภาพยนตร์อย่างมืออาชีพ เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง INVISIBLE WAVES เกิดขึ้นใน 3 ดินแดน ได้แก่ ฮ่องกง มาเก๊าและไทย (จังหวัดภูเก็ต) ภาพยนตร์เรื่อง INVISIBLE WAVES เป็นการร่วมทุนทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง เกาหลีและอิตาลี โดยบริษัทไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่อง INVISIBLE WAVES เป็นเรื่องราวของ คิโยชิ กุ๊กชาวญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ร้านอาหารแถบมาเก๊า เป็นเรื่องการฆาตกรรมซ่อนเงื่อนชวนสั่นประสาท เหตุการณ์ไม่คาดฝันของการฆาตกรรมในครั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่อง INVISIBLE WAVES ได้โอกาสในการฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน (The Berlin Film festival) และหลังจากนั้นยังได้แสดงในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัลและเทศกาลนานาชาติภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต (The Bangkok International film festival and The Toronto international film festival) ภาพยนตร์เรื่อง INVISIBLE WAVES แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างภาพยนตร์ของคนไทย และควบคุมการถ่ายทำโดยคนไทย สามารถได้รับการตอบรับจากนานาชาติและถือเป็นการสร้างคุณภาพให้ประเทศไทยในการสร้างภาพยนตร์อย่างมืออาชีพได้เทียบเท่ากับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในระดับนานาชาติ
ฅนไฟบิน (DYNAMITE WARRIOR)
ภาพยนตร์เรื่อง ฅนไฟบิน (DYNAMITE WARRIOR) ได้เปิดตัวในปี 2006 นำแสดงภาพยนตร์โดย ชูพงษ์ ช่างปรุง และ พันนา ฤทธิไกร ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย เฉลิม วงศ์พิมพ์ และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว ภาพยนตร์เรื่อง DYNAMITE WARRIOR เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับศิลปะมวยไทยในรูปแบบภาพยนตร์แอ็คชั่น ด้วยรูปแบบการนำเสนอยังคงเป็นการคงเอกลักษณ์ของประเทศไทย ที่ยังเรียกได้อย่างเต็มความภาคภูมิใจของคนไทยที่เป็นเมืองแห่งสยาม ด้วยการมุ่งเน้นเนื้อเรื่องไปที่การแก้แค้นของการนำเสนอเป็นหลักของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่พยายามตามล้างแค้นจากการแก้แค้นในฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา และภาพยนตร์เรื่อง DYNAMITE WARRIOR ยังแสดงและสะท้อนให้เห็นมุมอื่นๆที่แตกต่างของวัฒนธรรมไทย ที่อบอวลและแวดล้อมด้วยนักแสดงที่เป็นตัวละคร และการนำเสนอความงดงามของเอกลักษณ์ความงามของมวยไทยที่เป็นศิลปะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมวยไทยแห่งเมืองสยาม และนำเสนอเนื้อหาเพิ่มเติมอีกมากมายให้กับผู้ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง DYNAMITE WARRIOR นอกจากนั้นยังเป็นการย้อนรอยอดีตทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ในการนำเสนอเรื่องราวของการแต่งกายของไทย ด้วยชุดไทยที่มีความเป็นเอกลักษณ์และสวยงามในแบบฉบับเฉพาะตัว ด้วยการนำเสนอออกมาสมบูรณ์แบบอย่างงดงาม ซึ่งสถานการณ์การดำรงอยู่ของวิถีชีวิตในประเทศไทยได้อย่างชัดเจนอย่างลงตัว ทั้งด้านบทภาพยนตร์ ตัวละครและรูปแบบการนำเสนอที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ต้มยำกุ้ง (TOM-YUM-GOONG)
ภาพยนตร์เรื่อง TOM-YUM-GOONG เปิดตัวในปี 2005 นำแสดงภาพยนตร์โดย โทนี่ จา หรือ จา พนม ยีรัมย์ , นาธาน โจนส์ ,เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ,จอนฟู และ บงกช คงมาลัย ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว และควบคุมการผลิตภาพยนตร์ โดย สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, ปรัชญา ปิ่นแก้ว และสุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ ภาพยนตร์เรื่อง TOM-YUM-GOONG เป็นภาพยนตร์รูปแบบศิลปะการต่อสู้ เป็นเรื่องราวของการเดินทางข้ามประเทศของ ขาม (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่า ที่ชีวิตต้องเกิดพลิกผัน โดยเงื่อนงำของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ที่เขารักดั่งชีวิตและมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเป็นที่สุดที่จะมอบช้างเป็นคชบาทแต่นายหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย จึงเป็นที่มาของเรื่องราวต่างๆที่ต้องเดินทางไปข้ามประเทศเพื่อช่วยเหลือ และรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รัก ภาพยนตร์เรื่อง TOM-YUM-GOONG เป็นการสร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศไปทั่วโลกในระดับสากล ภาพยนตร์เรื่อง TOM-YUM-GOONG แสดงให้เห็นถึงการแสดงศิลปะการต่อสู้ และด้วยการถ่ายทำที่ยังอบอวลด้วยความอบอุ่นด้วยธรรมชาติของประเทศไทย อย่างคงเอกลักษณ์และนำเสนอได้อย่างสวยงาม เป็นการสร้างวิสัยทัศน์ที่ดีในภาพลักษณ์ของศิลปะของประเทศไทยในระดับสากล
คนเห็นผี 10 (THE EYE 10)
ภาพยนตร์เรื่อง THE EYE 10 ได้รับการเปิดตัวในปี 2005 นำแสดงภาพยนตร์โดย Bolin Chan, Lawrence Cheng, Eric Tsang และนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงของไทย คือ ตั๊ก บงกช พวงมาลัย ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย พี่น้องตระกูลแปง ประกอบด้วย Oxide Pang Chun และ Danny Pang Phat และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Peter Chan, Lawrence Cheng และ Eric Tsang นี่เป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่แสดงถึงความสามารถที่มีชื่อเสียงของ พี่น้องตระกูลแปง THE EYE 10 เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ถ่ายทำในประเทศไทย สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง THE EYE 10 แสดงให้เห็นถึงความสามารถสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์แนวสยองขวัญในประเทศไทย การถ่ายทำที่เป็นธรรมชาติขององค์ประกอบในภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ออกมาอย่างลงตัว ด้วยความสมบูรณ์แบบของประเทศไทยและนอกจากนี้ยังรวมถึงความมีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ภาพยนตร์สามารถบอกเล่าเรื่องราวออกมาได้อย่างสมจริง สร้างความน่าติดตามด้วยเรื่องราวแนวอาถรรพ์และผสมผสานกับเรื่องราวของความเชื่อที่นำมาเขียนและการวางแผนในการสร้างภาพยนตร์ออกมาอย่างครบอรรถรสของภาพยนตร์แนวสยองขวัญสั่นประสาท ลงบนแผ่นฟิล์มได้อย่างน่าสะพรึงกลัวของภาพยนตร์ THE EYE 10 ด้วยความเชื่อมั่นที่แรงกล้าที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นผู้นำด้านภาพยนตร์ในแนวใหม่ พร้อมทั้งความพร้อมของทีมงานภาพยนตร์ในการสร้างภาพยนตร์อย่างมีคุณภาพในประเทศไทย
สัตว์ประหลาด (TROPICAL MALADY)
ภาพยนตร์เรื่อง TROPICAL MALADY ได้เปิดตัวในปี 2004 แสดงนำภาพยนตร์โดย Sakda Kaewbuadee, Banlop Lomnoi, Sirivech Jareonchon, Udom Promma และ Huai Deesom ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย อภิชาติ พงศ์วีระเศรษฐกุล และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Charles de Meaux และ Axel Moebius ภาพยนตร์เรื่อง TROPICAL MALADY เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวโรแมนติก ที่ตัวละครหลักเป็นทหารและเป็นการดำเนินเรื่องในภาพยนตร์ ในพื้นที่ชนบทในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่อง TROPICAL MALADY ยังสะท้อนให้เห็นอีกด้านของทหารไทย และความโดดเด่นที่สำคัญของภาพยนตร์เรื่อง TROPICAL MALADY คือชนบทที่เป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ปราศจากด้านเทคโนโลยีในเมืองหลวงมารบกวนบรรยากาศอันงดงามสามารถสร้างความจรรโลงใจ ถือเป็นเรื่องยากสำหรับประเทศในโลกปัจจุบันที่จะมีสถานที่พร้อมในการดำเนินการ ในการถ่ายทำภาพยนตร์ได้อย่างเหมาะสมครบองค์ประกอบในการสร้างภาพยนตร์อย่างประเทศไทย ด้วยการวางแผนในการเดินทางที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติไว้รองรับในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง TROPICAL MALADY ได้อย่างลงตัวที่สุดสำหรับเป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย
องค์บาก 1 และ 2 (ONG-BAK 1 AND 2)
ภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ภาค 1 และ 2 (ONG-BAK 1 AND 2) เปิดตัวในปี 2003 และปี 2008 นำแสดงภาพยนตร์โดย โทนี่ จา , เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา และภุมวารี ยอดกมล ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐและ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ภาค 1 และ 2 เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นโดยบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้สามารถดำเนินการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว และยังเป็นตัวอย่างของภาพยนตร์ ที่นำเสนอเรื่องราวในภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์ในรูปแบบของศิลปะการป้องกันตัวของมวยไทย ภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก เป็นการนำเสนอเรื่องราวของศิลปะการต่อสู่สามารถสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการเป็นนักต่อสู้อย่างนักรบมวยไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างชื่อให้ โทนี่ จา นักแสดงนำในเรื่องนี้ให้ได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงในการใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ ได้ ณ เวลานั้น เป็นภาพยนตร์ที่แสดงและสะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของการต่อสู้แบบมวยไทยอย่างครบสมบูรณ์ด้านองค์ประกอบของการต่อสู้ พร้อมการนำเสนอแง่มุมของประเทศในรูปแบบภาพลักษณ์อย่างเป็นเอกลักษณ์อย่างโดดเด่นด้านศิลปะการต่อสู่ และเป็นการแสดงศักยภาพให้ทุกด้านในวงการภาพยนตร์ โดยผ่านสายตาไปยังผู้สร้างภาพยนตร์ทั่วโลก ในหลากหลายความสามารถของ โทนี่ จา นักแสดงชาวไทย เช่นเดียวกับภาพยนตร์ต้มยำกุ้ง ซึ่งก็เป็นอีกภาพยนตร์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีและกลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในระดับสากล และเป็นที่รู้จักในภาพยนตร์จากทั่วโลก เป็นที่ยอมรับในบทบาทและความสามารถในการแสดงในระดับสากลจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ จากทั่วทุกมุมโลก ภาพยนตร์เรื่อง “ต้มยำกุ้ง” ยังเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทุกคนเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องในการสร้างความประทับใจของคนได้ทั่วโลก
เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล (LAST LIFE IN THE UNIVERSE)
ภาพยนตร์เรื่อง LAST LIFE IN THE UNIVERSE เปิดตัวในปี 2003 นำแสดงภาพยนตร์โดย Tadanobu Asano, สินิทธา บุญยศักดิ์ (Sinitta Boonyasak) และ เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ (Laila Boonyasak) ภาพยนตร์เรื่อง LAST LIFE IN THE UNIVERSE ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย เป็นเอก รัตนเรื่อง และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Wouter Barendrecht และ นนทรีย์ นิมิบุตร (Nonzee Nimibutr) ภาพยนตร์เรื่อง LAST LIFE IN THE UNIVERSE เป็นการร่วมงานจากหลายชาติ มีการใช้ภาษาถึง 3 ภาษา ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่นและอังกฤษ บทภาพยนตร์โดยนักเขียนรางวัลซีไรท์ ปราบดา หยุ่น ถ่ายภาพโดย คริสโตเฟอร์ ดอยล์ ภาพยนตร์เรื่อง LAST LIFE IN THE UNIVERSE เป็นภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นทางด้านของศิลปะไทย เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวแบบทันสมัย เพลงที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ เพลงจาก Smallroom ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจทางด้านดนตรี เพลงโฆษณา และเพลงของศิลปินในสังกัด โดยมีแนวเพลงที่หลากหลาย นำเสนอรูปแบบดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นในประเทศไทยที่ยังคงคุณภาพในด้านเพลงที่ต่อเนื่องได้หลากหลายในปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่อง LAST LIFE IN THE UNIVERSE ได้รับรางวัลการันตรีมากมาย รวมถึงการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ (Bangkok international film festival) สำหรับรางวัล FIPRESCI , รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม ปี 2003 จากเทศกาลภาพยนตร์เวนิช , รางวัลจากคณะกรรมการในเทศกาลภาพยนตร์ the Fant-Asia และ รางวัลภาพยนตร์ด้านภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม จากการส่งไปอย่างเป็นทางการของประเทศไทย จากเทศกาลภาพยนตร์เวนิช
คนเห็นผี (THE EYE)
ภาพยนตร์เรื่อง THE EYE เปิดตัวในปี 2002 เป็นภาพยนตร์แนวซีรี่ส์ที่เกี่ยวกับการมองเห็นของตา นำแสดงภาพยนตร์โดย Angelica Lee, Lawrence Chou และนักแสดงของไทยที่ร่วมด้วย ณัชฌา รุจินานนท์ (Chutcha Rujinanon) ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย พี่น้องตระกูลแปง ประกอบด้วย Oxide Pang Chun และ Danny Pang Phat และ ควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Peter Chan และ Lawrence Cheng ภาพยนตร์เรื่อง THE EYE เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญตามสไตล์ของพี่น้องตระกูลแปง และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เท่าที่มีการสร้างภาพยนตร์แนวนี้ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในฮ่องกงและเอเซีย และถูกวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเป็นภาพยนตร์ รวมทั้งประเทศอินเดียก็ขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำภาพยนตร์เช่นเดียวกัน ความสำคัญอีกประการคือ ดารานำหลักอย่าง Angelica Lee เป็นดาราชื่อดังจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ก็เป็นหนึ่งนักแสดงคนสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง THE EYE นี้ด้วย สำหรับบทภาพยนตร์เรื่อง THE EYE มีความเป็นมาจากโศกนาฏกรรมความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ คือเป็นฉากสุดท้ายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1990 บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในกรุงเทพมหานคร ของประเทศไทย คือเหตุการณ์แก๊สระเบิด ที่ส่งผลกระทบในการสูญเสียชีวิตของคนไทยมากกว่า 90 ชีวิตยังไม่รวมผู้บาดเจ็บอีก 121 คน มีการสูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้โดยรวม 315 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง THE EYE ในปี 2002 ที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวและเหตุการณ์ที่สะทือนขวัญของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นจริงและสร้างเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวได้ หลอนอย่างสั่นประสาท ให้ออกมาในรูปแบบภาพยนตร์เรื่อง คนเห็นผี ( THE EYE)
Three
ภาพยนตร์เรื่อง THREE เปิดตัวในปี 2002 ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Kim Jee-woon, Nonzee Nimibutr และ Peter Ho-Sun Chan และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Duangamol Limcharoen, Jojo Hui, Nonzee Nimibutr, Oh Jung-Won และ Peter Ho-Sun Chan ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ที่เกิดจากแรงบันดาลใจจากแนวคิดที่น่าสนใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง THREE ภาพยนตร์เรื่องนี้จะแบ่งออกเป็นสามส่วนในการถ่ายทอดด้วยการเล่าเรื่องราวออกมาเป็น 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาเกาหลีและภาษาจีนกลาง (ภาษาจีน) ซึ่งแต่ละเรื่องราวด้วยการควบคุมการถ่ายทำของผู้กำกับแต่ละคนและด้วยการควบคุมทีมงานในการถ่ายทำภาพยนตร์ของตัวเองให้ออกมาสำเร็จ ในภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะมีรูปแบบของเรื่องความทรงจำที่หายไป และมีวีธีการในการเรียกความทรงจำหลับมาด้วยวิธีการที่แตกต่างกันของแต่ละส่วนในภาพยนตร์เรื่องนี้ เช่นเป็นเรื่องของคำสาป ผลของคำสาปและสุดท้ายคือพลังเหนือธรรมชาติเกี่ยวกับเรื่องของความตาย ทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่อง THREE จะไม่สามารถสำเร็จออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทีมงานของประเทศไทย และด้วยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยที่มีคุณภาพในแนวภาพยนตร์สยองขวัญ ถือเป็นความโดดเด่นของประเทศไทยที่เป็นแหล่งผลิตภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญ สั่นประสาทและน่าค้นหาอย่างเหนือธรรมชาติ
สุริโยไท (THE LEGEND OF SURIYOTHAI)
ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท (THE LEGEND OF SURIYOTHAI) เปิดตัวในปี 2001 นำแสดงภาพยนตร์โดย หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ,ศรัญยู วงษ์กระจ่าง, ฉัตรชัย เปล่งพาณิช, จอนนี่ แอนโฟเน่ (Johnny Anfone) และ ใหม่ เจริญปุระ ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Kim Aubry ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท (THE LEGEND OF SURIYOTHAI) เป็นภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจในด้านเทคนิค ด้านการถ่ายทำด้วยการทุ่มทุนในการสร้างภาพยนตร์เพื่อให้มีความสมจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพื่อถ่ายทอดออกสู่สายตาของคนทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของคนไทยทั้งชาติ กล่าวคือ ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท เป็นเรื่องราวของพระสุริโยทัย ซึ่งเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือราชวงศ์พระร่วง เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ เน้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวละครเอก คือ พระสุริโยไท พระมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ภาพยนตร์เป็นการถ่ายทอดถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพระสุริโยไท เป็นการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาตร์ของไทยก่อนที่จะมีเอกราชถึงวันนี้ เพื่อสะท้อนให้คนไทยทั้งชาติระลึกถึงความเสียสละของคนในประวัติศาสตร์ ถึงความยากลำบากเพื่อที่จะให้คนไทยรุ่นลูกหลังได้รับเอกภาพในความเป็นไทย ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท เป็นการเล่าถึงเหตุการณ์ที่แสดงถึงศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่สวยงามและน่าอนุรักษ์อย่างภาคภูมิใจของคนไทยในชาติ นอกจากนี้ในภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท ยังแสดงให้เห็นถึงวิธีการทำสงครามด้วยช้าง ซึ่งแสดงถึงสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของคนไทย เป็นตัวแทนในวัฒนธรรมของไทยตั้งแตในอดีตที่ยาวนาน นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไทย ได้แสดงถึงประวัติศาสตร์ในอดีตของประเทศไทยได้อย่างสวยงาม ทั้งด้านวัฒนธรรมและด้านขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม สะท้อนถึงความเป็นไทยอย่างสมบูรณ์ ในประเทศไทยที่น่าภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยในความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
เดอะ บีช (THE BEACH)
ภาพยนตร์เรื่อง THE BEACH เปิดตัวในปี 2000 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด คือ นักแสดงหนุ่ม Leonardo DiCaprio มาเป็นนักแสดงนำในเรื่อง THE BEACH ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ของประเทศอังกฤษ ที่ยกกองถ่ายมาถ่ายทำในประเทศไทย ควบคุมการถ่ายทำโดย แดนนี่ บอยล์ ภาพยนตร์เรื่อง THE BEACH เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เกาะพีพี ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งที่สวยงามและที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย และยังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมที่สุดในการเลือกเป็นสถานที่ในการถ่ายทำในประเทศไทย และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสามารถดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ด้วยทีมงานนักแสดงจำนวนมากในการถ่ายทำบนเกาะพีพี ซึ่งการถ่ายทำ ประเทศไทยสามารถอำนวยความสะดวกในการดำเนินการได้อย่างสะดวกสบาย ที่ใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ในครั้งนั้น และภาพยนตร์เรื่อง THE BEACH ยังเลือกถ่ายทำในสถานที่ ที่มีชื่อเสียงอย่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ใช้น้ำตกเหวสุวัต ในการถ่ายทำประกอบฉากสำคัญในภาพยนตร์เรื่อง THE BEACH อีกด้วย ความโดดเด่นสำหรับภาพยนตร์เรื่อง THE BEACH คือภาพสะท้อนถึงความสวยงามด้านธรรมชาติของประเทศไทย ที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง THE BEACH มีความสมบูรณ์แบบ ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของภาพยนตร์เรื่องนี้ในการสร้างจินตนาการและแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่อง THE BEACH ให้เป็น “สวรรค์บนดิน” (“paradise on earth”) ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงชีวิตของมนุษย์ในช่วงหนึ่ง ที่ได้สัมผัสกับชีวิตอย่างพอเพียงเกี่ยวกับการใช้จ่าย การใช้เวลา คุณค่าของชีวิต ครอบครัวเพื่อกลับสู่ธรรมชาติ แทนการใช้ชีวิตที่ฟุ้งเฟื้อ ด้วยเทคโนโลยีและความสะดวกสบายในเมืองหลวงพร้อมสิ่งยั่วยุในสังคมปัจจุบัน
ฟ้าทะลายโจร (TEARS OF THE BLACK TIGER)
ภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร เปิดตัวในปี 2000 นำแสดงภาพยนตร์โดย ชาติชาย งามสรรพ์, สเตลล่า มาลูกี้ (Stella Malucchi), ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ และ สมบัติ เมทะนี ภาพยนตร์เรื่องนี้ ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย ประชา มาลีนนท์ , ไบรอัน แอลมาร์การ์ (Brian L. Marcar), อดิเรก วัฏลีลา และนนทรีย์ นิมิบุตร ภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นโรแมนติก ภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร สะท้อนมุมมองของความรักระหว่างชนชั้น และอุปสรรคเพื่อฟันฝ่าด้านความรัก ซึ่งเป็นมุมมองของความรักที่ถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบโรแมนติก นำเสนอภาพยนตร์ผ่านช่องว่างระหว่างคนร่ำรวยและคนจนในประเทศไทย และยังถ่ายทอดด้านชีวิตในการวางกรอบทางสังคมในช่วงของปี 1950 ของประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร ดำเนินเรื่องเกี่ยวกับความรัก ที่ต้องการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ ด้วยการได้แรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร ด้วยแนวคิดที่ว่า “ รักซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ” โดยสร้างในรูปแบบภาพยนตร์คาวบอยย้อนยุค เหมือนภาพยนตร์ไทยแบบคาวบอยในอดีต ภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร เป็นการพิสูจน์ด้านคุณภาพของภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องและเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับเลือกไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 2001 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ไทยอีกหลายๆเรื่อง ที่สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เพื่อให้ได้รับโอกาสในการนำไปแสดงในหลายเทศกาลภาพยนตร์ในประเทศอื่นๆระดับนานาชาติ และหลังจากนั้นภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจร ยังได้รับรางวัล the Dragons and Tigers Award สำหรับด้านผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแวนคูเวอร์ (The Vancouver international film festival) ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ความสำเร็จของภาพยนตร์ ฟ้าทะลายโจร ยังได้รับรางวัลมากมายหลากหลายด้านสำหรับด้านเครื่องแต่งกายและเทคนิคพิเศษในการสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทย ทั้งหมดนี้แสดงถึงศักยภาพและความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์ร่วมกับควบคุมการแสดงภาพยนตร์ บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และด้านเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมในการแสดงภาพยนตร์ ซึ่งถือว่าภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าทะลายโจรเป็นภาพยนตร์ที่สร้างนิมิตหมายอันดี ในการจุดประกายในการสร้างภาพยนตร์ไทยไปสู่สายตาของนานาชาติ จากการได้นำไปแสดงในเมืองคานส์เป็นครั้งแรกของภาพยนตร์ไทยในระดับต่างประเทศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจกับผู้สร้างภาพยนตร์ไทยรุ่นใหม่เพื่อพัฒนาต่อไปในอนาคต
บางกอกแดนเจอรัส เพชฌฆาตเงียบ อันตราย (BANGKOK DANGEROUS)
ภาพยนตร์เรื่อง บางกอกแดนเจอรัส เพชฌฆาตเงียบ อันตราย (BANGKOK DANGEROUS) เปิดตัวในปี 1999 นำแสดงภาพยนตร์โดย ปวริศน์ มงคลพิสิฐ และ เปรมสินี รัตนโสภา ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย พี่น้องตระกูลแปง คือ ออกไซด์ แปง และแดนนี่ แปง ที่เขียนบทและกำกับ ถือเป็นผลงานชิ้นแรกในนามพี่น้องตระกูลแปง ที่ออกฉายครั้งแรกในประเทศไทย และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย อดิเรก จิตตลีลา , นนทรีย์ นิมิบุตร, ประชา มาลีนนท์ และ Brian L. Marcar ภาพยนตร์เรื่อง บางกอกแดนเจอรัส เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของมือปืนที่เป็นใบ้และหูหนวก ภาพยนตร์เรื่อง บางกอกแดนเจอรัส เพชฌฆาตเงียบ อันตราย อำนวยการสร้างโดยบริษัท ฟิล์มบางกอกและเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในประเทศไทย เป็นภาพยนตร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ไทยที่ผลิตจากคนไทย ด้านทีมงานสร้างภาพยนตร์และทีมงานนักแสดงทั้งหมดเป็นคนไทย ด้วยฝืมือการผลิตของคนไทยที่ได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จ ในการสร้างภาพยนตร์ในระดับสากล และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ไทยที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก และภาพยนตร์เรื่อง บางกอกแดนเจอรัส ได้รับรางวัล 2 รางวัลในระดับนานาชาติเพื่อเป็นการการันตรีถึงความสำเร็จในครั้งนี้ได้อย่างสวยงาม สำหรับรางวัลแรก คือ ในปี 2000 สำหรับรางวัล the 2000 Toronto International Film Festival จากนักวิจารณ์นานาชาติ และในปี 2001 รางวัล The Tiger Award จากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติร็อตเตอร์ ภาพยนตร์เรื่อง บางกอกแดนเจอรัส ได้รับการยอมรับและชื่นชมในการฉายในต่างประเทศ จนได้รับการติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัท Saturn Flims ของ Nicholas Cage เพื่อนำไปสร้างใหม่ โดยติดต่อให้พี่น้องตระกูลแปง เป็นผู้ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์ และมี Nicholas Cage เป็นนักแสดงนำ สำหรับ ภาพยนตร์ที่สร้างใหม่ได้ออกฉายในปี 2009 สำหรับชื่อภาพยนตร์เรื่องใหม่ใช้ชื่อว่า BANGKOK DANGEROUS แต่ในประเทศไทย ใช้ชื่อว่า บางกอกแดนเจอรัส ฮีโร่ เพชฌฆาต ล่าข้ามโลก
Brokedown Palace
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง BROKEDOWN PALACE ในปี 1999 นำแสดงภาพยนตร์โดย Claire Danes, Kate Beckinsale, Bill Pullman และ Lim Kay Tong ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Jonathan Kaplan และ ควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Adam Fields ภาพยนตร์เรื่อง BROKEDOWN PALACE ยังได้นักแสดงร่วมแสดงสมทบที่มากความสามารถอย่าง ทราย เจริญปุระ ในบทนักโทษหญิงปากดี ,ทม วิศวชาติ รับบทเป็นผู้พากษา และสหจักร บุญธนเกิต รับบทผู้คุมนักโทษ ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ภาพยนตร์เรื่อง BROKEDOWN PALACE แสดงถึงเรื่องราวทางด้านกฏหมายในประเทศไทย เป็นการสะท้อนมุมหนึ่งด้านคุกในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวดราม่าที่ตีแผ่กฏหมายทางอาญาของไทย ในด้านการยุติธรรมในประเทศไทย เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวให้เห็นถึงแง่มุมที่น่าตื่นเต้นระทึกขวัญในฉากภาพยนตร์ แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและการควบคุมนักโทษในคุก ที่ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายในการจัดการความเป็นอยู่และสภาพสิ่งแวดล้อมของนักโทษเหล่านั้น ภาพยนตร์เรื่อง BROKEDOWN PALACE เป็นการสะท้อนฉากความผิดทางกฏหมายอาญาของประเทศไทย มักจะได้รับความนิยมในการใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด และถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงบทเรียนในการกระทำความผิดตามกฏหมาย ในการลักลอบขนยาเสพติด ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามกฏหมายบ้านเมืองและการได้รับโทษตามกฏหมายทางอาญาของประเทศไทย
007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย (TOMORROW NEVER DIES)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง 007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย (TOMORROW NEVER DIES) ในปี 1997 เป็นภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ เรื่องที่ 18 ภาพยนตร์เรื่อง 007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย เป็นภาพยนตร์ชุด เจมส์ บอนด์ ที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 หลังจากตอน “The Man with the Golden Gun” ชื่อไทยว่า 007 เพชฌฆาตปืนทอง เป็นภาพยนต์เจมส์บอนด์ เรื่องที่ 9 ออกฉายในปี 1974 มีการใช้สถานที่ในประเทศไทยหลายแห่ง ที่ใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำสำหรับภาพยนตร์เรื่อง 007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย (TOMORROW NEVER DIES) โดยเฉพาะฉากสำคัญที่เจมส์ บอนด์และนางเอก (ไหว่หลิน) กระโดดลงมาจากหลังคาตึก ได้มีการถ่ายทำฉากในภาพยนตร์ที่อาคาร สินสาธร ทาวเวอร์ เขตคลองสาน ฝั่งธนบุรี โดยนักแสดงที่แสดงแทนในฉากนี้ เป็นสตันท์ แสดงแทน มิเชลล์ ไหย่ว ในฉากที่ได้ถ่ายทำในภาพยนตร์ คือฉากที่กระโดดจากยอดตึกเป็นนักศึกษาชาวไทย ภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ เรื่องแรกได้ถ่ายทำในประเทศเวียดนาม ที่เมืองหลวงโฮจิมินห์ เช่นเดียวกับที่เลือกสถานที่ในประเทศไทย ในการถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่อง 007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย (TOMORROW NEVER DIES)
สวรรค์กับโลกหัวใจเธอพลิกลิขืต (HEAVEN AND EARTH)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง สวรรค์กับโลกหัวใจเธอพลิกลิขิต (HEAVEN AND EARTH) ในปี 1993 นำแสดงภาพยนตร์โดย Tommy LeeJones-Joan Chen-Haing S. Ngor Tommy Lee Jones-Joan Chen-Haing S. Ngor-Hiep Thi Lee ร่วมกับนักแสดงคนไทย คือ สุภัค ปิติธรรม รับบทเป็นหลวงพ่อ ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Oliver Stone ควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย A. Kitman Ho-Robert Kline-Arnon Milchan-Oliver Stone ภาพยนตร์เรื่อง สวรรค์กับโลกหัวใจเธอพลิกลิขิต (HEAVEN AND EARTH) มุ่งเน้นการบอกเล่าเรื่องราวในสงครามเวียดนาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทำในประเทศไทย เพราะไม่สามารถถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศเวียดนามได้ ไม่ได้รับอนุญาติให้ถ่ายทำได้ที่ประเทศเวียดนาม แสดงให้เห็นถึงความเหมือนและคล้ายคลึงกันของแง่มุมของด้านภูมิศาสตร์ของประเทศไทยและประเทศเวียดนามของทั้งสองประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีความเหมือนและแตกกันได้อย่างลงตัวและเหมาะสมในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง สวรรค์กับโลกหัวใจเธอพลิกลิขิต (HEAVEN AND EARTH) โดยเฉพาะด้านสภาพแวดล้อมของธรรมชาติของภูมิประเทศ เช่น ความเป็นท้องทุ่งของธรรมชาติอย่าง ทุ่งนาข้าว ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ที่จะสามารถพบได้ในประเทศแถบทางตะวันตกของประเทศใดๆ ภาพยนตร์เรื่อง สวรรค์กับโลกหัวใจเธอพลิกลิขิต (HEAVEN AND EARTH) สะท้อนไปที่ด้านของสงครามเวียดนาม แต่ยังมีแง่มุมของชีวิตเช่นการเสียสละและการต่อสู้ ด้านสงครามให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาเพื่อการอยู่รอดภาพยนตร์สะท้อนมุมมองของชีวิต
หน่วยจู่โจมเหนือเวหา (AIR AMERICA)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง หน่วยจู่โจมเหนือเวหา (AIR AMERICA) ในปี 1990 นำแสดงภาพยนตร์โดย Mel Gibson, Robert Downey Jr., Nancy Travis and Lane Smith ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Roger Spottiswoode และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Mario Kassar และ Andrew G. Vajna พร้อมด้วยนักแสดงชาวไทย อย่าง สินใจ เปล่งพานิชและนักแสดงชาวไทยอีกมากมาย ภาพยนตร์เรื่อง หน่วยจู่โจมเหนือเวหา (AIR AMERICA) ได้ถ่ายทำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง หน่วยจู่โจมเหนือเวหา (AIR AMERICA) ถ่ายทำในประเทศไทย เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอนและใช้เครื่องบินในประเทศไทยกว่า 26 เครื่อง เพื่อเช่าในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นคอมเมดี้ เป็นการสะท้อนเรื่องราวของสองนักบิน Mel Gibson, Robert Downey Jr. ที่เข้าไปอยู่ในแผนการลับในช่วงสงครามเวียดนาม พวกเขาเป็นหัวหน้าทีมแอร์อเมริกัน เป็นสายการบินที่มีหน้าที่ในการลำเลียงเสบียง ให้กับหมู่บ้านต่างๆทั่วประเทศเวียดนาม ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นผสมเสียงฮาที่สนุกสนาน ภาพยนตร์เรื่อง หน่วยจู่โจมเหนือเวหา (AIR AMERICA) ได้มีการถ่ายทำในประเทศไทยที่รวมความตลกและความฮา สร้างเสียงหัวเราะ เป็นภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่ Robert Downey Jr. ได้มาเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทย ถือว่าภาพยนตร์เรื่อง หน่วยจู่โจมเหนือเวหา (AIR AMERICA) สำหรับ Robert Downey Jr. ได้รับฐานของแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น และภาพยนตร์เรื่อง นี้ยังถือเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ด ที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยอีกเรื่อง ที่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ ภาพยนตร์เรื่อง หน่วยจู่โจมเหนือเวหา (AIR AMERICA) ถือเป็น ภาพยนตร์ที่เป็นตัวแทนของประเทศไทยและได้ถ่ายทำในประเทศไทยไปสู่ระดับสากล
เดนหักเดน (CASUALTIES OF WAR)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง เดนหักเดน (CASUALTIES OF WAR) ในปี 1989 เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงในสงครามเวียดนาม ภาพยนตร์เรื่อง เดนหักเดน (CASUALTIES OF WAR) ได้ถ่ายทำในประเทศไทย นำแสดงภาพยนตร์โดยไมเคล เจ ฟ็อกซ์ และจอร์น เพย์น เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของทหารเกณฑ์ (ไมเคล เจ ฟ็อกซ์) ที่พึ่งมาถึงประเทศเวียดนาม ในระหว่างเหตุการณ์ในสนามรบ จ่าผู้บังคับบัญชาได้ช่วยเหลือชีวิตของเขาไว้ (จอร์น เพย์น) ภาพยนตร์เรื่อง เดนหักเดน (CASUALTIES OF WAR) เป็นการสะท้อนให้เห็นมุมมองอีกด้านที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพบนเส้นทางของความขัดแย้ง ด้านอารมณ์และสงคราม กล่าวคือ ทหารอเมริกัน ลากสาวเวียดนามมารุมข่มขืน แสดงถึงความป่าเถื่อนในด้านจิตใจของมนุษย์ ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างทหารด้วยกัน ที่แสดงถึงความไม่เห็นด้วยและแสดงออกถึงความพยายามในการต่อสู้ของนายทหารที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านั้นไปได้ แต่ภาพยนตร์เรื่อง เดนหักเดน (CASUALTIES OF WAR) สามารถผสมผสานอย่างสมบูรณ์ ใช้สถานที่ที่ถ่ายทำในประเทศไทย คือจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดกาญจนบุรี ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสร้างสรรค์ความงดงามในด้านสถานที่ได้อย่างลงตัวและความสวยงามจากทั้งสองจังหวัดซึ่งเป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ที่คงความเป็นธรรมชาติและความงามของสถานที่ในประเทศไทย เป็นหลักในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เดนหักเดน (CASUALTIES OF WAR)
คิกบ็อกเซอร์ ( KICKBOXER)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง คิกบ็อกเซอร์ ( KICKBOXER) ในปี 1989 นำแสดงภาพยนตร์โดย Jean-Claude Van Damme-Dennis Alexio-Dennis Chan-Michel Qissi-Haskell V. Anderson III-Rochelle Ashana ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย David Wroth&Mark Disalle ควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Mark Disalle ภาพยนตร์เรื่อง คิกบ็อกเซอร์ ( KICKBOXER) ถ่ายทำในประเทศไทยถือเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เป็นเรื่องราวที่สะท้อนมุมมองกลิ่นอายในสมัยอยุธยา ใช้สถานที่เป็นการถ่ายทำที่ซ้อมมวยที่อุทยานประวัติศาสตร์ อยุธยา วัดที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนั้นยังมีสถานที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์อีกมากมาย เช่น ใช้สถานที่ในการถ่ายทำที่วัดพระศรีสรรเพชญ์และวัดราชบูรณะ สถานที่เหล่านี้เป็นวัดที่ถูกนำมาใช้เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์เรื่อง ภาพยนตร์เรื่อง คิกบ็อกเซอร์ ( KICKBOXER) เป็นฉากในการฝึกซ้อมมวยไทยของนักแสดงนำภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพยนตร์ใช้มวยไทยในการนำเสนอหลักที่เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์รูปแบบเฉพาะตัว ซึ่งเป็นการสร้างเรื่องราวให้โดดเด่นและผสมผสานการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของประเทศไทย เช่นการถ่ายทำในวัดของประเทศไทย เพื่อแสดงความมีเสน่ห์ของวัฒนธรรมในสมัยอยุธยาที่เป็นศิลปะของคนไทย มวยไทยถือเป็นเนื้อหาหลักในการนำเสนอในบทภาพยนตร์ เป็นการร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของวัฒนธรรมที่สวยงามในประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์รวมของทั้งหมดของประเทศไทยไว้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ภาพยนตร์เรื่อง คิกบ็อกเซอร์ ( KICKBOXER) เป็นภาพยนตร์ที่ใช้สถานที่ในประเทศไทยได้อย่างหลากหลาย เช่น ในกรุงเทพมหานคร มีฉากล่องเรือหางยาวที่แม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนั้นยังมีการถ่ายทำในย่านพัฒพงษ์ สนามหลวง สนามมวย โรงแรมรีเจนท์ โรงพยาบาลคามิเลียนและวัดโพธิ์ เป็นนต้น
กู๊ดมอร์นิงเวียดนาม (GOOD MORNING, VIETNAM)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง กู๊ดมอร์นิงเวียดนาม (GOOD MORNING, VIETNAM) ในปี 1987 นำแสดงภาพยนตร์โดย โรบิน วิลเลียมส์ และ ฟอเรสต์ วิตเทกเกอร์ ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย แบรรี่ เลวินสัน และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย แลร์รี่ แบตเนอร์ และ มาร์ค จอร์นสัน สำหรับนักแสดงที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยที่ร่วมแสดงภาพยนตร์ คือ จินตรา สุขพัฒน์ เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศไทยอีกเรื่อง ภาพยนตร์เรื่อง กู๊ดมอร์นิงเวียดนาม (GOOD MORNING, VIETNAM) เป็นหนึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับและชื่นชมอย่างมากในประวัติศาสตร์ในภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ สำหรับการแสดงในภาพยนตร์ของวิลเลียม เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ ในฐานะนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์เพลงหรือตลกและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม ในปี 2002 ของสถาบันภาพยนตร์ในอเมริกัน และถูกจัดอันดับให้เป็นภาพยนตร์อยู่ในอันดับ 100 ของภาพยนตร์ตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์อเมริกัน นับว่าภาพยนตร์เรื่อง กู๊ดมอร์นิงเวียดนาม (GOOD MORNING, VIETNAM) ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด สำหรับการแสดงของวิลเลี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งใน ภาพยนตร์เรื่อง กู๊ดมอร์นิงเวียดนาม (GOOD MORNING, VIETNAM) เป็นภาพยนตร์แนวสงคราม แต่ โรบิล วิลเลียม กลับทำให้มีอารมณ์ขันและสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน จึงเป็นเสน่ห์ของการแสดงที่สามารถสร้างความประทับใจได้อย่างลึกซึ้ง สร้างอารมณ์ขันได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการสะท้อนมุมมองของคนที่มีอารมณ์ดีมองโลกในแง่มุมที่ดี สามารถให้เขาแก้ไขทุกสถานการณ์ให้ผ่านไปได้ แม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายเพียงใด เขาก็สามารถมองหาวิธีการที่จะแก้ไขทุกปัญหาให้ผ่านไปได้
ทุ่งสังหาร (THE KILLING FIELDS)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ทุ่งสังหาร (THE KILLING FIELDS) ในปี 1984 นำแสดงภาพยนตร์โดย แซม วอเตอร์สตัน , จอห์น มัล โควิช และ เฮียง เอส. งอร์ ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย โรแลด์ จอฟเฟ และควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย เดวิด พัตต์นัม ภาพยนตร์เรื่อง ทุ่งสังหาร (THE KILLING FIELDS) เป็นเรื่องราวในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและการสร้างมิตรภาพภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทำในประเทศไทย ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือความคล้ายคลึงในด้านภูมิศาสตร์ ภาพยนตร์เรื่อง ทุ่งสังหาร (THE KILLING FIELDS) เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนเรื่องราวในยุคการปกครองของเขมรแดง มีเค้าโครงเรื่องจากประสบการณ์จริงของนักข่าวหนังสือพิมพ์ในประเทศกัมพูชา ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอีกครั้งในการได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่ 57 ด้วยการถ่ายทำในประเทศไทยในหลายฉากของการใช้สถานที่ในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะและวัฒนธรรมทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับประเทศกัมพูชามากที่สุด
007 เพชฌฆาตปืนทอง (THE MAN WITH THE GOLDEN GUN)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง 007 เพชฌฆาตปืนทอง ( THE MAN WITH THE GOLDEN GUN) ในปี 1974 นำแสดงภาพยนตร์โดย โรเจอร์ มัวร์ , บริตต์ เอ็กแลนด์ , เมาด์ อดัมส์ , คริสโตเฟอร์ ลี และ เบอร์นาร์ด ลี ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย กาย ฮามิลตัน และ ควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย แฮรรี่ ซอลท์ซ์แมน, อัลเบร์ต อาร์. บรอคโคลี ภาพยนตร์เรื่อง 007 เพชฌฆาตปืนทอง ( THE MAN WITH THE GOLDEN GUN) เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 9 ในภาพยนตร์ชุดบอนด์เดอะซีรี่ส์ และเป็นครั้งที่ 2 ที่ โรเจอร์ มัวร์ รับบทเป็นเจมส์ บอนด์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทำในกรุงเทพมหานครของประเทศไทยและรวมถึงชายหาดที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เช่น ภูเก็ต และ เกาะตะปู ที่ปัจจุบันนิยมเรียกกันว่า เกาะเจมส์บอนด์ ถือเป็นเรื่องที่สร้างความประทับใจและสร้างชื่อเสียงให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ใช้ประเทศไทยในการถ่ายทำภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่อง 007 เพชฌฆาตปืนทอง ( THE MAN WITH THE GOLDEN GUN) เป็นเรื่องราวของ เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) ต้องพบกับฟรานซิสโก้ (คริสโตเฟอร์ ลี) รับบทนักฆ่าที่มีฉายาว่า เพชฌฆาตปืนทอง เพราะเขาจะรับจ้างฆ่าคนด้วยเงินสูงถึง 1 ล้านดอลล่าห์ และเขาจะสังหารเหยื่อด้วยปืนและกระสุนทองคำ และเป้าหมายต่อไปของเขาคือ เจมส์ บอนด์
ธันเดอร์บอลล์ 007 ( THUNDERBALL)
เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ธันเดอร์บอลล์ 007 ( THUNDERBALL) ในปี 1965 นำแสดงภาพยนตร์โดย Sean Connery, Claudine Auger, Adolfo Celi, Luciana Paluzzy และ Rik Van Nutter ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์โดย Terence Young ควบคุมการผลิตภาพยนตร์โดย Kevin McClory ภาพยนตร์เรื่อง ธันเดอร์บอลล์ 007 เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ภาพยนตร์ชุดบอนด์เดอะซีรี่ส์ และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่ Sean Connery รับบทเป็นเจมส์ บอนด์ และยังเป็นการกลับมาร่วมทำงานของ Terence Young ในฐานะผู้ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ อีกครั้งเช่นกัน ภาพยนตร์เรื่อง ธันเดอร์บอลล์ 007 ( THUNDERBALL ) เป็นเรื่องราวขององค์กร Spectre ศัตรูของ เจมส์ บอนด์ ซึ่งได้วางแผนครั้งใหญ่ คือ ขโมยหัวรบนิวเคลียร์และขู่จะวางระเบิดในสถานที่สำคัญ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ธันเดอร์บอลล์ 007 ( THUNDERBALL) ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในซีรี่ส์ไปทั่วโลก ได้เป็นภาพยนตร์ที่ได้แสดงรอบปฐมทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์เรื่อง ธันเดอร์บอลล์ 007 ( THUNDERBALL) ได้รับการยอมรับว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์และแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของประเทศไทย ถือว่าเป็นฉากที่โดดเด่นและสร้างความประทับใจในความสวยงามของสถานที่ ที่ใช้ถ่ายทำในประเทศไทยออกไปสู่ทั่วโลก
จากเรื่องราวประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะเห็นถึงความชัดเจนและมีศักยภาพของประเทศไทยในการสร้างภาพยนตร์จากต่างประเทศ ถือว่าประเทศไทยเป็นสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่สามารถรองรับการถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศได้อย่างครอบคลุมทุกรูปแบบ ในการสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทย ด้วยความพร้อมในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านทางภูมิศาสตร์ทางธรรมชาติ เช่น ทะเลและชายหาดที่สวยงาม ป่าเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยความเป็นธรรมชาติสูง ทั้งรูปแบบทางวัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งสวยงามตามประเพณีอันเก่าแก่ควรทรงคุณค่า หรือความเจริญตามค่านิยมที่ศิวิไลอย่างเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร สังคมเมืองที่ไม่มีวันหลับใหล ความบันเทิงที่มีครบทุกรูปแบบที่น่าสนใจอย่างน่าติดตาม และความพรั่งพร้อมที่ดูจะลงตัวและเหมาะสมในการสร้างภาพยนตร์จากทั่วโลก
ด้วยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย ได้รับการยอมรับและสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับวงการภาพยนตร์ได้อีกมากมาย สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้สร้างภาพยนตร์ในระดับนานาชาติ พร้อมการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งในอุสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทย ตลอดถึงด้านความพร้อมของศิลปินที่มีคุณภาพของประเทศไทย เช่น ผู้ควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์ นักแสดง นักเขียนบทภาพยนตร์และผู้ควบคุมการผลิตภาพยนตร์ เป็นต้น ด้วยความพร้อมที่มีศักยภาพทั้งด้านบุคลากรในวงการภาพยนตร์ของประเทศไทย ด้านสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกในการสร้างภาพยนตร์ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย ที่สามารถทัดเทียมกับระดับต่างประเทศได้อย่างโดดเด่นได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับนานาชาติ ประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีที่เต็มไปด้วยความพร้อมครบองค์ประกอบด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ประเทศไทยเปรียบเสมือนมีสระว่ายน้ำขนาดกว้างใหญ่ พร้อมรองรับบุคลากรที่มีความสามารถและมีคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ มีความพร้อมในการพัฒนาอย่างเต็มที่ในการที่จะสร้างสรรค์ ฝึกฝนทีมงานให้เติบโตอย่างมืออาชีพ และมีศักยภาพสูงสุดในการผลิตผลงาน เพื่อต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในระดับสากลได้อย่างก้าวไกล